เจ็บนิ้วล็อก (Trigger Finger) อย่าปล่อยไว้! พร้อมเคล็ดลับป้องกัน และท่าบริหารแก้อาการนิ้วล็อก

โรคนิ้วล็อก (Trigger Finger) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องใช้มือและนิ้วทำงานหนักหรือทำงานซ้ำๆ เป็นเวลานาน เช่น พิมพ์งาน ใช้สมาร์ทโฟน หรือขยับเมาส์คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

โรคนี้เกิดจากการอักเสบของเยื่อหุ้มเอ็นที่ใช้งอนิ้วซึ่งทำให้เคลื่อนไหวนิ้วไม่สะดวก มีอาการปวด สะดุด หรือล็อกนิ้วไม่สามารถเหยียดตรงได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว หากปล่อยไว้นานอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนิ้วล็อกให้มากขึ้น ทั้งในแง่ของสาเหตุ อาการ กลุ่มเสี่ยง ตลอดจนแนวทางการรักษา เทคนิคการบริหารนิ้ว และการปรับพฤติกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำ มาเริ่มกันเลยค่ะ

สาเหตุของโรคนิ้วล็อก (Trigger Finger)

สาเหตุหลักของโรคนิ้วล็อก คือ ภาวะอักเสบของปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อที่ใช้งอนิ้วบริเวณโคนนิ้วฝ่ามือ ทำให้เอ็นหนาตัวขึ้น เคลื่อนไหวผ่านปลอกหุ้มได้ยากหรือติดขัด เวลาขยับหรืองอนิ้วจะรู้สึกสะดุด หรือล็อกค้างไม่สามารถเหยียดนิ้วกลับได้เอง

สาเหตุของการอักเสบเกิดจากการใช้นิ้วและข้อมือทำงานหนักเกินไป การบาดเจ็บ หรืออาจเกิดร่วมกับโรคบางอย่างเช่น เบาหวาน รูมาตอยด์ เก๊าท์ ทำให้เส้นเอ็นอักเสบได้ง่ายขึ้น

คนกลุ่มไหนเสี่ยงเป็นโรคนิ้วล็อก

  • คนทำงานที่ต้องใช้นิ้วมือซ้ำๆ นานๆ เช่น แม่บ้าน พนักงานออฟฟิศ เชฟ ช่างฝีมือ ทันตแพทย์ คนสวน
  • ผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไตเสื่อม รูมาตอยด์ โรคเก๊าท์
  • เพศหญิง และผู้สูงวัย

วิธีป้องกันโรคนิ้วล็อก

  • หลีกเลี่ยงการหิ้วของหนักเกินไป ควรเปลี่ยนเป็นอุ้มหรือใช้รถเข็นแทน
  • ใส่ถุงมือ หรือเลือกเครื่องมือที่มีด้ามจับนุ่มกำลังพอดีกับมือ
  • พักมือเป็นระยะๆ เวลาทำงานต่อเนื่องนานๆ แล้วยืดเหยียดมือบ้าง
  • งดขยับ กด ดีดนิ้วเล่น เพราะจะทำให้อาการแย่ลง
  • แช่มืออุ่นๆ แล้วขยับกำแบๆ เบาๆ ช่วยลดอาการข้อฝืดตอนเช้าได้
  • เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้มือล้า เช่น ซักผ้า บิดผ้าแรงๆ หรือการกำแน่น

อาการของโรคนิ้วล็อก

อาการของโรคนิ้วล็อกมักจะค่อยๆ รุนแรงขึ้นเป็นลำดับ ดังนี้

  • ระยะที่ 1: มีอาการปวดบริเวณโคนนิ้ว โดยเฉพาะเวลากดหรือเคลื่อนไหวนิ้ว แต่ยังไม่มีอาการสะดุด
  • ระยะที่ 2: เริ่มมีอาการสะดุดเวลางอหรือเหยียดนิ้ว อาจได้ยินเสียงดังกริ๊ก
  • ระยะที่ 3: นิ้วจะติดล็อกเวลางอ ไม่สามารถเหยียดออกได้เอง ต้องใช้มืออีกข้างช่วยแกะ และหากอาการมากขึ้นก็จะไม่สามารถงอนิ้วลงได้ด้วยตัวเอง
  • ระยะที่ 4: มีอาการปวดและบวมมากจนไม่สามารถเหยียดนิ้วให้ตรงได้ อาการเจ็บปวดอาจรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถนอนหลับได้

การรักษาโรคนิ้วล็อก

การรักษาโรคนิ้วล็อกด้วยวิธีทางกายภาพบำบัดนับเป็นแนวทางหลักที่ได้ผลดี โดยอาศัยเทคโนโลยีเครื่องมือต่างๆ เพื่อบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของนิ้วให้ดีขึ้น เครื่องมือเหล่านี้ได้แก่

  • Ultrasound Therapy คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูง จะส่งผ่านความร้อนเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดการอักเสบและคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้การเคลื่อนไหวข้อนิ้วดีขึ้น
  • Extracorporeal Shockwave Therapy (ESWT) เป็นคลื่นกระแทกที่ส่งผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อลึก กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดอาการปวดและอักเสบบริเวณเส้นเอ็นและข้อต่อ
  • Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) คลื่นแม่เหล็กความเข้มสูงจะกระตุ้นเส้นประสาทส่วนปลาย เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดอาการปวด และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  • Low Level Laser Therapy (LLLT) เลเซอร์พลังงานต่ำจะกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ลดการอักเสบและปวดบวม ปรับสมดุลของเซลล์และเนื้อเยื่อให้แข็งแรงมากขึ้น

การรักษาด้วยเครื่องมือกายภาพบำบัดเหล่านี้มีข้อดีคือ ไม่มีการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน ทำให้อาการดีขึ้นได้เร็ว มีความปลอดภัยและเสี่ยงต่อผลข้างเคียงน้อยมาก เมื่อใช้ร่วมกับการบริหารนิ้วและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและป้องกันการเป็นซ้ำได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลของนักกายภาพบำบัดที่ผ่านการศึกษาและมีความชำนาญ จะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกวิธีและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

ท่าบริหารสำหรับแก้อาการนิ้วล็อก 

  • กล้ามเนื้อบริเวณแขน มือ นิ้วมือ โดยยกของระดับไหล่ ใช้มือหนึ่งดันให้ข้อมือกระดกขึ้น–ลง ปลายนิ้วเหยียดตรงค้างไว้ นับ 1–10 แล้วปล่อย ทำ 5–10 ครั้ง/เซต
  • บริหารการกำ–แบมือ โดยฝึกกำ–แบ เพื่อการเคลื่อนไหวของข้อนิ้ว และกำลังกล้ามเนื้อภายในมือ โดยทำ 5–10 ครั้ง/เซต (กรณีนิ้วล็อกไปแล้ว งดทำท่าที่ 2)
  • หากเริ่มมีอาการปวดตึง แนะนำให้แช่มือในน้ำอุ่นไว้ 15–20 นาทีทุกวัน (วันละ 2 รอบ เช้า–เย็น) หากอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้มาพบแพทย์และทำการรักษาทางกายภาพต่อไป

วิธีลดความเสี่ยงการเป็นนิ้วล็อก

  • ไม่หิ้วของหนักเกิน และหิ้วให้น้ำหนักตกที่ฝ่ามือ อาจใช้วิธีการอุ้มประคองหรือรถเข็นลากแทนการหิ้วของ เพื่อลดการรับน้ำหนักที่นิ้วมือ
  • ควรใส่ถุงมือ หรือ ห่อหุ้มด้ามจับเครื่องมือให้นุ่มขึ้น และจัดทำขนาดที่จับเหมาะแก่การใช้งานขณะใช้เครื่องมือทุ่นแรง เช่น ไขควง เลื่อย ค้อน ฯลฯ
  • งานที่ต้องใช้เวลาทำงานนานต่อเนื่อง ทำให้มือเมื่อยหรือระบมควรพักมือเป็นระยะๆ และออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อมือบ้าง
  • ไม่ขยับนิ้วหรือดีดนิ้วเล่น เพราะจะทำให้เส้นเอ็นอักเสบมากยิ่งขึ้น
  • ถ้ามีข้อฝืดตอนเช้า หรือมือเมื่อยล้า ให้แช่น้ำอุ่นร่วมกับการขยับมือ กำ-แบๆ ในน้ำเบาๆ จะทำให้ข้อฝืดลดลง
  • หลีกเลี่ยงการซักผ้าด้วยมือ การบิดผ้าให้แห้งมากๆ หรือกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อมือ เพื่อให้กำแน่นๆ

บทสรุป

โรคนิ้วล็อกสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยวิธีการทางกายภาพบำบัดถือเป็นตัวเลือกหลักที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และเหมาะสมกับทุกระดับอาการของโรค การนำเทคโนโลยีเครื่องมือกายภาพบำบัดสมัยใหม่มาใช้ เช่น Ultrasound, Shockwave, PMS, LLLT จะยิ่งช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้นไปอีก

นอกจากการรักษาด้วยเครื่องมือแล้ว การบริหารรักษานิ้วและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของโรคก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ควรทำควบคู่กันไปเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ รวมถึงการไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้ จะช่วยหยุดการลุกลามของโรคได้อย่างทันท่วงที

เลือกอ่านได้ที่นี่

Flex Rehab & Flex Wellness

ปวดจุดไหน ให้เราฟื้นฟู

ดูแลด้วยนักกายภาพบำบัดวิชาชีพ ที่ เฟล็กซ์รีแฮบ และ เฟล็กซ์เวลเนสทุกสาขาทั่วประเทศไทย

  • ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

  • ดูแลด้วยนักกายภาพบำบัดวิชาชีพ